วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Tiramisu

 ทีรามิสุ Tiramisu

                         P1210737

ส่วนผสม

  1. ขนมเลดี้ฟิงเกอร์            250-300    กรัม (แล้วแต่ว่าใครใช้พิมพ์แบบไหนนะคะ)
  2. ไข่ไก่เฉพาะไข่แดง                   5    ฟอง
  3. ไข่ไก่เฉพาะไข่ขาว                    2   ฟอง
  4. ชีสมาสคาโปเน่                     500    กรัม
  5. น้ำตาลทราย                         120    กรัม   (หากชอบหวานให้ใส่เพิ่ม เพราะสูตรนี้หวานน้อยจ้า)
  6.  น้ำตาลทราย                         2-3    ช้อนโต๊ะ (สำหรับใส่ในกาแฟ แล้วแต่บ้านใครกาแฟขมมากน้อย)
  7. กาแฟเอสเพรสโซ่                      1     ชาม  (ยังไม่เคยลองใช้กาแฟสำเร็จรูปเลย บอกไม่ได้ว่าจะอร่อยรึป่าว)
  8. วิปปิ้งครีม                              200    มิลลิลิตร
  9. เกลือป่น                                    1    หยิบมือ
  10. กลิ่นวนิลา                                 1   ช้อนชา
  11. โกโก้ผงชนิดขมสำหรับโรยหน้า
  12. ช็อคโกแลตสำหรับตกแต่งหน้าตามใจชอบ

วิธีทำ

1.ใครมีเครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ่ที่บ้านชงไว้เลยสัก 8 แก้วเล็ก (แก้วสำหรับทำ ristretto) ใส่น้ำตาลสัก 2-3 ช้อนโต๊ะแล้วคนให้เข้ากัน พักไว้ก่อน เครื่องชงกาแฟที่บ้านเป็นแบบในรูปนะคะ ใช้ชงได้ทั้งเอสเพรสโซ่ และคาปูชิโน่ เค้าว่ากันว่าหากกาแฟดี เครื่องชงดี กาแฟเอสเพรสโซ่ที่ได้จะมีฟองกาแฟแบบที่เห็นในภาพนะคะ  ขอนอกเรื่องหน่อยนะคะ คนอิตาลีเค้าจะนิยมดื่มกาแฟกัน เช้า กลาวัน เย็น แถมเวลาว่างอีกต่าง บางคนดื่ม 7-8 แก้วต่อวัน แต่กาแฟหากคุณสั่งเอสเพรสโซ่มาดื่ม คุณจะได้กาแฟ ristretto บ้านเรามาดื่ม แต่ถ้าคุณอยากดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่เหมือนบ้านเราต้องสั่ง เอสเพรสโซ่แบบอเมริกา นอกเรื่องเยอะไปละ เอาไว้คราวหน้ามาเล่าให้ฟังเป็นเรื่องเป็นราวในหัวข้ออื่นดีกว่าเนอะ กลับไปทำทีรามิสุกันต่อ
2. แยกไข่แดง และไข่ขาว ส่วนของไข่แดงนำมาตีกับน้ำตาลให้ขึ้นฟูจนเปลี่ยนเป็นสีครีมอ่อนๆ  ส่วนไข่ขาววันนี้ใช้ไข่ขาว 2 ฟองก็พอ ผสมเกลือนิดหน่อยตีให้ขึ้นตั้งยอดอ่อน แต่ไม่ใส่น้ำตาลนะคะ จากนั้นพักไว้ก่อน ขออนุญาตใช้รูปอันเก่านะคะ เพื่อความรวดเร็ว
 3.ตีวิปปิ้งครีมเย็นจัดมาตีให้ตั้งยอด เราแอบเติมน้ำตาลลงไปด้วย 1 ช้อนโต๊ะ เสร็จแล้วก็พักไว้ก่อน

4.นำครีมชีสมาสคาโปเน่ที่อุณหภูมิห้องมาตีให้เนียน จากนั้นนำส่วนของไข่แดงที่ดีไว้แล้วมาตีให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับครีมชีส ใส่กลิ่นวนิลาลงไปด้วย
5.นำไข่ขาวที่ตีจนตั้งยอดแล้ว มาตะล่อมกับครีมชีสค่อยๆ เติมไข่ขาวลงไปตะล่อมจนหมด  พอไข่ขาวหมดตามด้วยวิปปิ้งครีมมาตะล่อมต่อเลย ตัววิปปิ้งครีมจะช่วยให้เนื้อครีมมาสคาโปเน่ของเราอยู่ตัวมากขึ้นเวลาทานจะ ไม่เหลวมากนัก เนื้อครีมที่ได้จะข้นกว่าสูตรดั้งเดิม  รสชาติจะมีความมันของวิปปิ้งครีมเพิ่มเข้ามานิดหน่อย ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ คุณสามียังจับไม่ได้เลยว่าแอบใส่ลงไปด้วย ฮะฮะ
6. นำขนมเลดี้ฟิงเกอร์มาลองเทียบขนาดกับพิมพ์ของเราก่อนว่าจะเรียงยังงัย ต้องตัดรึป่าว ก่อนจะเอาไปชุบกาแฟ  วันนี้จะใช้แก้วเหลี่ยมเสิร์ฟเป็นแก้วๆ กันไปเลย แลดูไฮโซดีนะคะ  ชั้นแรกเอาเลดี้ฟิงเกอร์ชุบกาแฟเรียงลงไปก่อนเลย นำครีมชีสมากลบขนมเลดี้ฟิงเกอร์ให้ทั่วแล้วเกลี่ยให้เรียบ ที่เห็นแอบเอาช็อคโกแลตใส่ลงไปในชั้นนี้ด้วย นำผงโกโก้มาโรยให้ทั่วครีมชีส เสร็จแล้วชั้นแรก
7. ชั้นที่สองทำเหมือนกัน  นำขนมเลดี้ฟิงเกอร์มาชุบกาแฟแล้วเรียงทับลงไปอีกชั้น ไม่แนะนำให้ชุบขนมไว้ก่อนนะคะ ควรชุบทีละอันจะดีกว่าขนมจะได้ไม่เละ  นำครีมชีสโป๊ะลงไปให้ทั่วอีกครั้งเคาะพิมพ์สักหน่อยให้ครีมชีสไหลลงไปตาม ช่องว่างของขนมโรยด้วยผงโกโก้ ใครจะพอแค่นี้ก็ได้นะคะ แต่พอดีอยากทำชั้นที่ 3 ลองดู  ที่ว่างของแก้วยังพอมี พอทำชั้นที่ 3 เสร็จแล้ว แทบจะล้นกันเลยทีเดียว ใครชอบแบบพอดีทาน ทำ 2 ชั้นก็พอ ใครงกชอบทานเยอะๆ ทำ 3 ชั้นนะคะ    แต่ใครจะทำชั้นเดียวก็ได้ ไม่มีกฎห้าม ส่วนตัวคิดว่าทำ 2-3 ชั้นจะดูน่าทานกว่าเยอะเลย  ผงโกโก้ในชั้นสุดท้ายจะรอไว้โรยก่อนตัดเสิร์ฟก็ไม่ว่ากัน 
8.ตกแต่งตามใจชอบ ใครจะเอาช็อคโกแลตโรยหน้าอีกครั้งก็ได้ เอาเข้าตู้เย็นสัก 2-3 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟรอให้ครีมชีสอยู่ตัวก่อนค่อยทานจะดีกว่านะคะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น